ระบบ GSP สหรัฐอเมริกา
|
การให้สิทธิ GSP
|
สหรัฐอเมริกาได้เริ่มโครงการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) แก่ประเทศกำลังพัฒนาและด้อยพัฒนา ทั้งนี้รวมถึงประเทศไทยด้วย ตั้งแต่ปี 2519 เป็นต้นมา เพื่อเปิดโอกาสให้สินค้าจากประเทศที่ได้รับสิทธิ GSP สามารถเข้าไปแข่งขันในตลาดสหรัฐฯ
|
ระยะเวลาของโครงการ
|
การให้สิทธิ GSP ของสหรัฐฯ แบ่งออกเป็น 3 โครงการ ดังนี้
โครงการที่ 1 : วันที่ 1 มกราคม 2519 – วันที่ 3 มกราคม 2528
โครงการที่ 2 : วันที่ 4 มกราคม 2528 – วันที่ 30 กรกฎาคม 2538
โครงการที่ 3 : วันที่ 31 กรกฎาคม 2538 – วันที่ 31 พฤษภาคม 2540
ต่ออายุครั้งที่ 1 : วันที่ 1 มิถุนายน 2540 – วันที่ 30 มิถุนายน 2541
ต่ออายุครั้งที่ 2 : วันที่ 1 กรกฎาคม 2541 – วันที่ 30 มิถุนายน 2542
ต่ออายุครั้งที่ 3 : วันที่ 1 กรกฎาคม 2542 – วันที่ 30 กันยายน 2544
ต่ออายุครั้งที่ 4 : วันที่ 1 ตุลาคม 2544 – วันที่ 31 ธันวาคม 2549
ต่ออายุครั้งที่ 5 : วันที่ 1 มกราคม 2550 – 31 ธันวาคม 2551
ต่ออายุครั้งที่ 6 : วันที่ 1 มกราคม 2552 – 31 ธันวาคม 2552
ต่ออายุครั้งที่ 7 : วันที่ 1 มกราคม 2553 – 31 ธันวาคม 2553
ต่ออายุครั้งที่ 8 : วันที่ 1 มกราคม 2554 – 31 กรกฎาคม 2556
ต่ออายุครั้งที่ 9 : วันที่ 1 สิงหาคม 2556 – 31 ธันวาคม 2560
ต่ออายุครั้งที่ 10 วันที่ 1 มกราคม 2561 – 31 ธันวาคม 2563
|
ขอบเขตของสินค้าภายใต้สิทธิ GSP
|
สหรัฐฯ ให้สิทธิ GSP สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม ประมาณกว่า 3,500 รายการ ซึ่งส่วนใหญ่
จะเป็นสินค้าอุตสาหกรรม ประเทศที่ได้รับสิทธิทั้งหมด 121 ประเทศ ซึ่งเป็นประเทศ
ด้อยพัฒนา 43 ประเทศ
|
คุณสมบัติของประเทศที่อยู่ในข่ายได้รับสิทธิ GSP
|
(1) ระดับการพัฒนาประเทศ : โดยพิจารณาจาก GNP per capita ของ World Bank
(ปี 2557 สหรัฐฯ กำหนดไม่เกิน 12,735 เหรียญสหรัฐฯ)
(2) การเปิดตลาดสินค้าและบริการ : ต้องมีการเปิดตลาดสินค้าและบริการอย่างสมเหตุผล
(3) การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา : ประเทศผู้รับสิทธิจะต้องมีระบบการคุ้มครองทรัพย์สิน
ทางปัญญาอย่างเพียงพอและมีประสิทธิภาพ
(4) การคุ้มครองสิทธิแรงงาน : จะต้องมีการคุ้มครองสิทธิแรงงานในระดับที่เป็นที่ยอมรับ
ของนานาชาติ
(5) กำหนดนโยบายลงทุนที่ชัดเจน และลดข้อจำกัดทางการค้าของประเทศที่ได้รับสิทธิ
(6) ให้การสนับสนุนสหรัฐฯ ในการต่อต้านการก่อการร้าย
|
สินค้าที่มีคุณสมบัติอยู่ในข่ายที่จะได้รับสิทธิ GSP
|
(1) ต้องเป็นสินค้าที่อยู่ในบัญชีสินค้าที่ได้รับสิทธิ GSP
(2) ต้องเป็นสินค้าที่นำเข้าโดยตรงจากประเทศประเทศผู้รับสิทธิ
(3) ต้องผลิตถูกต้องตามกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้า (Rules of Origin)
(4) ผู้นำเข้าสินค้าจะต้องยื่นขอใช้สิทธิ duty free ภายใต้ GSP
|
หลักเกณฑ์ว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้า
|
(1) สินค้านั้นจะต้องผลิตขึ้นโดยใช้วัตถุดิบในประเทศผู้รับสิทธิทั้งหมด หรือ กรณีที่มีวัตถุดิบ
หรือส่วนประกอบนำเข้าจากต่างประเทศ จะต้องมีส่วนประกอบวัตถุดิบ ในประเทศรวมกับ
ต้นทุนการผลิตโดยตรงอย่างน้อยร้อยละ 35 ของราคาสินค้าจากโรงงาน (Ex-factory
Price) หรือราคาประเมิน (Appraised Value) ของสินค้านั้นในสหรัฐฯ
(2) สินค้าจากไทยสามารถผลิตภายใต้กฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดแบบสะสม (Cumulative Origin)
ซึ่งไทยจัดอยู่ในกลุ่มประเทศ ASEAN จึงสามารถใช้วัตถุดิบร่วมกับประเทศ กัมพูชา
อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเมียนมาร์ โดยถือว่ามาจากแหล่งกำเนิดประเทศเดียวกัน ซึ่งจะต้องมี
อัตราส่วนดังกล่าวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 35 ของราคาสินค้าจากโรงงาน หรือราคาประเมิน
ของสินค้านั้น
|
มาตรการระงับสิทธิ GSP
|
ระบบ GSP สหรัฐฯ แบ่งการระงับสิทธิ GSP เป็น 2 ประเภท คือ
(1) ระงับสิทธิ GSP รายสินค้า ( ใช้กฎ CNLs เป็นเกณฑ์)
(2) ระงับสิทธิ GSP รายประเทศ โดยพิจารณาจาก GNP per capita ของ World Bank
(ปี 2557 เท่ากับ 12,735 เหรียญสหรัฐฯ)
|
เกณฑ์การระงับสิทธิ GSP
(รายสินค้า)
|
สินค้าจากประเทศผู้รับสิทธิ GSP จะถูกยกเลิกการให้สิทธิฯ เป็นการชั่วคราวเมื่อการนำเข้าสหรัฐฯ สูงเกินเพดานที่กำหนดภายใต้กฎว่าด้วยความจำเป็นด้านการแข่งขัน (Competitive need limit : CNLs) กล่าวคือ สินค้าใดของประเทศใด จะถูกระงับสิทธิ GSP หากปรากฏว่า มูลค่าส่งออกไปสหรัฐฯ ในปีปฏิทินที่ผ่านมาสูงเกินเพดานที่กำหนดไว้ คือ
-มีส่วนแบ่งตลาดนำเข้าจากสหรัฐฯ ตั้งแต่ร้อยละ 50 แต่มูลค่านำเข้าสหรัฐฯ ของสินค้าดังกล่าวจากทั่วโลก ต่ำกว่ามูลค่าขั้นต่ำ(De Minimis Value) ที่สหรัฐฯ กำหนด ซึ่งปี 2561 เท่ากับ 24 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ
-มีมูลค่านำเข้าสหรัฐฯเกินมูลค่าขั้นสูงที่สหรัฐฯ กำหนดไว้ในแต่ละปี (ในปี 2561 = 185 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) โดยให้เพิ่มขึ้นทุกปีๆ ละ 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ทั้งนี้ หากมีการนำเข้าสินค้าใดเกินเกณฑ์ดังกล่าว ถือว่าสินค้านั้นมีความสามารถในการแข่งขันที่สูง จึงไม่จำเป็นต้องได้รับสิทธิยกเว้นภาษี GSP ต่อไป จะถูกตัดสิทธิในวันที่ 1 พฤศจิกายนของปีถัดไป
|
เกณฑ์การขอผ่อนผันคืนสิทธิและไม่ให้ระงับสิทธิ GSP
|
สินค้าที่ถูกระงับสิทธิสามารถที่จะขอคืนสิทธิหรือผ่อนผันไม่ระงับสิทธิ ได้ 2 วิธี คือ
(1) ขอคืนสิทธิกรณี Redesignation สินค้าที่ถูกระงับสิทธิ หากปีต่อมามูลค่าการส่งออก
ต่ำกว่าระดับ CNL ที่กำหนด ซึ่งปี 2561 สหรัฐฯ กำหนดที่ 185 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
และส่วนแบ่งนำเข้าต่ำกว่าร้อยละ 50
(2) ขอผ่อนผันไม่ให้ระงับสิทธิกรณี De Minimis Waive สำหรับสินค้าที่มีส่วนแบ่งตลาด
นำเข้าสหรัฐฯ ตั้งแต่ร้อยละ 50 ขึ้นไป
|
การทบทวนข้อยกเว้น Super CNL Waiver
|
สินค้าใดที่เคยได้รับยกเว้นเพดานการส่งออก(CNL Waiver) มาแล้วเป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปี หรือนานกว่านี้ สินค้านั้นอาจถูกตัดสิทธิ GSP หากการส่งออกสินค้านั้นเข้าสหรัฐฯ เป็นไปตามเงื่อนไข ดังนี้
(1) มีมูลค่านำเข้าเกินร้อยละ 150 (1.5 เท่า) ของระดับเพดาน CNL ที่สหรัฐฯ กำหนดในปีนั้น
(ปี 2557 = 247.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) หรือ
(2) มีส่วนแบ่งการนำเข้าเกินร้อยละ 75 ของมูลค่าการนำเข้าสินค้ารายการนั้นของสหรัฐฯ
ทั้งนี้อยู่ในดุลพินิจของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะผ่อนผันให้ได้รับสิทธิต่อไปอีกก็ได้
|
การยื่นขอใช้สิทธิ GSP
|
ตั้งแต่ปี 2537 เป็นต้นมาศุลกากรสหรัฐฯ ได้ยกเลิกการใช้หนังสือรับรอง Form A เป็นหลักฐาน เพื่อขอใช้สิทธิ GSP โดยผู้นำเข้าสหรัฐฯ จะเป็นผู้ดำเนินการร้องขอใช้สิทธิ GSP และรับรองสินค้าด้วยตนเอง (self certificate) โดยมีแนวปฏิบติ ดังนี้
ผู้ส่งออก จะต้องเก็บรักษาเอกสาร/ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับการผลิตสินค้าเป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปี โดยสามารถชี้แจงข้อเท็จจริงได้ในกรณีที่ศุลกากรสหรัฐฯ ร้องขอตรวจสอบผ่านผู้นำเข้าสหรัฐฯ ชี้แจงในแบบฟอร์ม GSP Declaration
ผู้นำเข้า เป็นผู้แสดงความจำนงนำเข้าสินค้าโดยขอใช้สิทธิ GSP และยืนยันข้อเท็จจริงทั้งหมดต่อศุลกากรสหรัฐฯ
|
Website แนะนำ
|
โครงการ GSP สหรัฐอเมริกา
http://www.ustr.gov
รายการสินค้าและอัตราภาษีนำเข้าปกติ/อัตราภาษีภายใต้ GSP
http://www.usitc.gov/tata/hts/bychapter/index.htm
สถิติการนำเข้า/ส่งออกของสหรัฐอเมริกา
http://www.dataweb.usitc.gov
|
โครงการ GSP สหรัฐอเมริกา
|
คู่มือระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) ของสหรัฐอเมริกา
|
สหรัฐฯ ประกาศระงับสิทธิ GSP ไทยบางส่วนชั่วคราว
|
|